15, เม.ย. 2022
ข้อมูล ซอฟต์แวร์ ArcGIS และ QGIS

รายงานเชิงวิเคราะห์: ซอฟต์แวร์ ArcGIS Pro และ ArcGIS Online (ข้อมูล ณ ปี พ.ศ. 2567–2568)


1. ระบบปฏิบัติการที่รองรับ (Platform Compatibility)

ซอฟต์แวร์ ArcGIS Pro และแพลตฟอร์มของบริษัท Esri ในปัจจุบัน ได้พัฒนาไปสู่ระบบที่เน้นความเป็น unified GIS ecosystem โดยมีการแบ่งออกเป็นหลายแพลตฟอร์มย่อย ได้แก่:

  • ArcGIS Pro: ใช้งานบน Windows 10/11 64-bit เท่านั้น (ไม่รองรับ macOS โดยตรง)
  • ArcGIS Online และ ArcGIS Enterprise: ทำงานผ่าน Web Browser ได้ทุกระบบปฏิบัติการ (Windows, macOS, Linux)
  • ArcGIS Field Apps: รองรับ Android, iOS สำหรับใช้งานภาคสนาม เช่น ArcGIS Field Maps, Survey123, QuickCapture

วิเคราะห์: แม้ ArcGIS Pro จะยังจำกัดอยู่บน Windows แต่การมี ArcGIS Online/Enterprise ที่ข้ามแพลตฟอร์ม ทำให้ระบบ ArcGIS มีความครอบคลุมทั้ง Desktop, Web และ Mobile ในเชิงระบบข้อมูลเชิงพื้นที่ระดับองค์กร (Enterprise-grade Geospatial Cloud)


2. คุณสมบัติการใช้งาน (Functional Capabilities)

คุณสมบัติรายละเอียด
การแสดงผลและวิเคราะห์การจัดการ Symbology แบบ Dynamic, การแสดงผล 2D/3D, การทำ Layout แบบมืออาชีพ
ส่วนเสริมสำคัญArcGIS Pro มีโมดูลเช่น Spatial Analyst, Network Analyst, 3D Analyst และ Deep Learning
การเขียนโปรแกรมเสริมรองรับ Python (ArcPy), ModelBuilder, และ Jupyter Notebooks ในตัว
การใช้งานใช้ได้แบบ stand-alone, เชื่อมกับ ArcGIS Online หรือ ArcGIS Enterprise
การเชื่อมต่อกับอุปกรณ์รองรับ GNSS, UAV, RTK GPS, IoT Sensor ผ่าน ArcGIS GeoEvent / ArcGIS Velocity

วิเคราะห์: ArcGIS ในยุคปัจจุบันเน้นการรวมฟังก์ชัน GIS แบบเดิม เข้ากับ Big Data, AI, Real-time Data Streams และการทำงานเชิงบริการ (Service-Oriented Architecture) จึงเหมาะกับงานที่มีความซับซ้อนระดับสูง


3. ความสามารถด้านการวิเคราะห์ข้อมูล GIS (Spatial Analysis Functions)

ArcGIS Pro และ Online รองรับการวิเคราะห์ทุกระดับตั้งแต่พื้นฐานจนถึงขั้นสูง:

  • Geoprocessing Tools กว่า 1,000 รายการ: Buffer, Clip, Union, Dissolve, Spatial Join ฯลฯ
  • Raster Analytics / Map Algebra ด้วย Spatial Analyst
  • Suitability Modeling, Multicriteria Decision Analysis
  • Machine Learning & Deep Learning (เช่น การตรวจจับวัตถุจากภาพดาวเทียม)
  • การวิเคราะห์โครงข่าย (Network Analysis) และ 3D / Indoor Mapping

วิเคราะห์: ความสามารถในการวิเคราะห์ของ ArcGIS ถือเป็นจุดเด่นระดับสากล โดยเฉพาะเมื่อใช้งานร่วมกับ Esri Living Atlas และ Deep Learning Model Library


4. การจัดการข้อมูล (Data and Database Management)

  • ฐานข้อมูลที่รองรับ:
    • File Geodatabase (.gdb), Enterprise Geodatabase (SQL Server, Oracle, PostgreSQL, SAP HANA)
    • รองรับ Cloud Storage เช่น Azure Blob, AWS S3 ผ่าน ArcGIS Data Store
  • โครงสร้างข้อมูล:
    • Vector (Topological), Raster, TIN, LAS (LiDAR), BIM
    • Data Services: WMS, WFS, WMTS, Feature Services, Map Services
    • 3D, Indoor Scene Layers (IMDF, IFC, Revit)

วิเคราะห์: Esri พัฒนาแพลตฟอร์มจัดการข้อมูลที่มีมาตรฐานสูงสำหรับงานระดับเมืองอัจฉริยะ (Smart City), การวางผังเชิงกลยุทธ์ และ Digital Twin


5. ข้อมูลราคา (Pricing – ปี พ.ศ. 2567)

รายการราคาโดยประมาณ (USD) ต่อปี
ArcGIS Pro Basic (Single Use)$700
ArcGIS Pro Advanced + Extensions$4,000–$10,000
ArcGIS Online (1 Creator License)$500
ArcGIS Enterprise (ระดับองค์กร)$25,000 ขึ้นไป

วิเคราะห์: ราคาค่อนข้างสูง โดยเฉพาะในระดับองค์กรหรือเมื่อใช้งานร่วมกับปลั๊กอินวิเคราะห์พิเศษ อย่างไรก็ตาม เหมาะสมกับหน่วยงานที่ต้องการระบบที่มีความเสถียร ปลอดภัย และรองรับการทำงานร่วมกับระบบภายนอกได้ดี


สรุปเชิงวิเคราะห์

ปัจจัยจุดแข็ง (Strengths)จุดที่ควรพิจารณา (Considerations)
ความสามารถทางเทคนิคครอบคลุม GIS ทุกระดับ, รองรับ AI และการทำงานร่วมกับระบบ Big Dataต้องใช้ทรัพยากรเครื่องค่อนข้างสูง และมี learning curve สูง
ความยืดหยุ่นผสานการใช้งาน Desktop, Web, Mobile อย่างไร้รอยต่อArcGIS Pro ใช้งานได้เฉพาะบน Windows
ต้นทุนมีรุ่นสำหรับองค์กรโดยเฉพาะ พร้อมบริการและการสนับสนุนระดับมืออาชีพราคาสูงมากเมื่อรวมปลั๊กอิน และต้องมีการจ่ายรายปี
การสนับสนุนมีการอบรม, เอกสาร, Community และบริการหลังการขายโดยตรงจาก Esriความซับซ้อนทำให้ต้องพึ่งพาการอบรมในระดับลึกสำหรับหลายฟีเจอร์

หมายเหตุสำหรับการวิจัยปัจจุบัน

ArcGIS รุ่นปัจจุบันไม่เพียงแต่เป็นเครื่องมือ GIS แบบเดิม แต่ยังขยายตัวสู่การเป็น แพลตฟอร์มการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงพื้นที่แบบครบวงจร (Integrated Spatial Intelligence Platform) ซึ่งสามารถเป็นกรณีศึกษาในด้าน:

  • Enterprise GIS Development
  • AI Integration in GIS Systems
  • Geospatial Infrastructure for Smart Cities
  • Government Digital Transformation

รายงานเชิงวิเคราะห์: ซอฟต์แวร์ QGIS (Quantum GIS) – ข้อมูล ณ ปัจจุบัน


1. ระบบปฏิบัติการที่รองรับ (Platform Compatibility)

QGIS เป็นซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สที่พัฒนาอย่างต่อเนื่องโดยชุมชนผู้ใช้และผู้พัฒนา (Open Source Geospatial Foundation – OSGeo) ซึ่งสามารถใช้งานได้บน:

  • Windows (ทุกรุ่น รวมถึง Windows 10/11)
  • Linux (Ubuntu, Debian, Fedora ฯลฯ)
  • macOS (Apple Silicon และ Intel)
  • Android (ผ่านแอป QField หรือ IntraMaps Roam)

รองรับทั้งเครื่อง PC, Workstation และอุปกรณ์พกพา (Mobile GIS)

วิเคราะห์: ความยืดหยุ่นของ QGIS ครอบคลุมทุกแพลตฟอร์มหลักในปัจจุบัน เหมาะกับการใช้งานทั้งในสภาพแวดล้อมสำนักงานและภาคสนาม สอดคล้องกับแนวคิดของ GIS ยุคใหม่ที่เน้น “accessibility” และ “portability”


2. คุณสมบัติการใช้งาน (Functional Capabilities)

คุณสมบัติรายละเอียด
การแสดงผลและวิเคราะห์สนับสนุนการแสดงผลแผนที่ การทำ Symbolization, Labeling และการแสดงชั้นข้อมูลร่วมกันแบบ Dynamic
ส่วนเสริมสำคัญมีระบบ Plugin Store ที่มีปลั๊กอินกว่า 1,000 รายการ เช่น DB Manager, OpenLayers, QuickMapServices
การเขียนโปรแกรมเสริมรองรับ Python (PyQGIS) สำหรับเขียนสคริปต์ ปรับแต่ง GUI และสร้าง Processing Tools
การใช้งานใช้ได้ทั้งแบบ stand-alone, ผ่าน server (QGIS Server), และ web (QGIS Web Client)
การเชื่อมต่อกับอุปกรณ์รองรับการเชื่อมโยง GPS, Scanner, และ RTK ผ่าน Serial/Bluetooth และ GNSS devices ผ่าน QField

วิเคราะห์: QGIS มีความยืดหยุ่นสูงมากด้านการเพิ่มความสามารถของโปรแกรมผ่านปลั๊กอินและการเขียนโค้ด เหมาะกับทั้งผู้ใช้งานทั่วไปและนักพัฒนา


3. ความสามารถด้านการวิเคราะห์ข้อมูล GIS (Spatial Analysis Functions)

QGIS มีโมดูลวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูงหลากหลาย:

  • Buffer, Clip, Intersect, Union: วิเคราะห์เชิงพื้นที่พื้นฐาน
  • Raster Calculator / Map Algebra: วิเคราะห์เชิงภาพถ่ายหรือ DEM
  • Proximity / Heatmap: การวิเคราะห์พื้นที่ใกล้เคียงและความหนาแน่น
  • Hydrological Analysis, Terrain Models, 3D View: ใช้ได้ผ่าน SAGA, GRASS, หรือ PDAL
  • Geostatistics: ผ่านปลั๊กอิน QGIS หรือเชื่อมกับ R (ผ่าน Processing Provider)

วิเคราะห์: QGIS สนับสนุนการวิเคราะห์เชิงพื้นที่ได้เทียบเท่าหรือมากกว่าซอฟต์แวร์เชิงพาณิชย์เมื่อรวมปลั๊กอินจาก GRASS GIS และ SAGA GIS


4. การจัดการข้อมูล (Data and Database Management)

QGIS รองรับการจัดการข้อมูลหลากหลายทั้งด้านฐานข้อมูลและโครงสร้างข้อมูล:

  • ฐานข้อมูล: PostgreSQL/PostGIS, SQLite/SpatiaLite, GeoPackage, MSSQL, Oracle Spatial, CSV, Excel
  • โครงสร้างข้อมูล:
    • Vector: Topological & Non-topological
    • Raster
    • TIN & 3D Models
    • Real-time GPS & Sensor Feeds
    • การเชื่อมต่อ WMS, WFS, WMTS, XYZ Tiles

วิเคราะห์: QGIS รองรับมาตรฐาน OGC อย่างสมบูรณ์ สามารถเป็นศูนย์กลางในการเชื่อมโยงข้อมูลจากหลายระบบ (Interoperability)


5. ข้อมูลราคา (Pricing – ปัจจุบัน)

รายการราคา
QGIS Software Licenseฟรี (Free / Open Source)
ปลั๊กอินและบริการเสริมฟรีทั้งหมด (บางปลั๊กอินอาจมีเวอร์ชัน Pro เสริม)
ค่าฝึกอบรม (ถ้ามี)ขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการหรือองค์กรที่จัด (เฉลี่ย 3,000–10,000 บาท/หลักสูตร)

วิเคราะห์: จุดเด่นสำคัญของ QGIS คือการไม่มีค่าใช้จ่ายด้าน License และมีการอัปเดตต่อเนื่อง ซึ่งเหมาะกับหน่วยงานการศึกษา ภาครัฐ และโครงการวิจัยที่มีงบประมาณจำกัด


สรุปเชิงวิเคราะห์

ปัจจัยจุดแข็ง (Strengths)จุดที่ควรพิจารณา (Considerations)
ความสามารถทางเทคนิควิเคราะห์ได้เทียบเท่าหรือมากกว่าซอฟต์แวร์เชิงพาณิชย์ต้องอาศัยการเรียนรู้เชิงเทคนิคเบื้องต้น โดยเฉพาะการใช้ปลั๊กอิน
ความยืดหยุ่นปรับแต่งสูง ใช้งานได้หลากหลายแพลตฟอร์มGUI บางฟีเจอร์อาจไม่สอดคล้องกับผู้เริ่มต้นใช้งานครั้งแรก
ต้นทุนฟรี ไม่มีค่าลิขสิทธิ์บางกรณีอาจต้องลงทุนในฝึกอบรมหรือค่าบริการสนับสนุนเพิ่มเติม
การสนับสนุนชุมชนผู้ใช้ทั่วโลก, คู่มือ, ช่องทาง YouTubeไม่มีบริการหลังการขายแบบทางการ (ยกเว้นจากบริษัท third-party)

หมายเหตุสำหรับการวิจัยปัจจุบัน

แม้ QGIS จะไม่ใช่ซอฟต์แวร์เชิงพาณิชย์ แต่เป็นกรณีศึกษาที่โดดเด่นในด้าน Open Innovation, Technology Diffusion และ Sustainable Software Ecosystems ซึ่งเหมาะสำหรับการศึกษาในหลักสูตร:

  • Open Source GIS Technology
  • Spatial Data Infrastructure in Developing Countries
  • Comparative GIS Systems in Government Procurement

ตารางเปรียบเทียบ ArcGIS Pro vs QGIS โดยพิจารณาทั้งด้านเทคนิค การใช้งาน ราคา และความเหมาะสมในระดับองค์กรหรือสถาบันการศึกษา ใช้ได้ทั้งสำหรับการตัดสินใจเลือกใช้ซอฟต์แวร์ในเชิงวิชาการ และการบริหารจัดซื้อในหน่วยงาน:


รายงานเชิงวิเคราะห์: ซอฟต์แวร์ MapInfo Professional (ข้อมูล ณ ปี พ.ศ. 2567)


1. ระบบปฏิบัติการที่รองรับ (Platform Compatibility)

MapInfo Professional เป็นซอฟต์แวร์ GIS เชิงพาณิชย์ที่พัฒนาโดยบริษัท Precisely (เดิมคือ Pitney Bowes) ซึ่งปัจจุบันสามารถใช้งานได้บน:

  • Windows 10/11 64-bit
  • รองรับเฉพาะระบบปฏิบัติการ Windows (ไม่รองรับ macOS และ Linux)
  • ใช้งานได้บน PC และ Workstation

วิเคราะห์: ความสามารถในการทำงานบน Windows อย่างเสถียรเหมาะสำหรับองค์กรที่เน้นความง่ายในการติดตั้งและการจัดการระบบ แต่ขาดความยืดหยุ่นสำหรับผู้ใช้งานข้ามแพลตฟอร์ม


2. คุณสมบัติการใช้งาน (Functional Capabilities)

คุณสมบัติรายละเอียด
การแสดงผลและวิเคราะห์รองรับการแสดงผลข้อมูล Vector และ Raster พร้อมระบบ thematic mapping และ label ขั้นสูง
ส่วนเสริมสำคัญMapBasic (ภาษาสคริปต์เฉพาะ), Spectrum Spatial สำหรับ Web GIS, Add-ons เช่น Vertical Mapper
การเขียนโปรแกรมเสริมใช้ MapBasic สำหรับสร้าง macro, ปลั๊กอิน และ GUI
การใช้งานใช้แบบ stand-alone หรือเชื่อมกับฐานข้อมูลภายนอก
การเชื่อมต่อกับอุปกรณ์รองรับการนำเข้าข้อมูลจาก GPS, Scanner และอุปกรณ์ภาคสนาม ผ่านมาตรฐานทั่วไป

วิเคราะห์: จุดเด่นของ MapInfo คือความสามารถในการสร้าง thematic map ที่มีประสิทธิภาพและง่ายต่อการปรับแต่ง เหมาะกับงานด้านการตลาด การประเมินพื้นที่ และงานวิเคราะห์เชิงธุรกิจ (Business GIS)


3. ความสามารถด้านการวิเคราะห์ข้อมูล GIS (Spatial Analysis Functions)

MapInfo Professional มีเครื่องมือวิเคราะห์ในระดับกลาง–สูง เช่น:

  • Buffer, Overlay, Spatial Join, Voronoi, Grid
  • Heatmap / Density Mapping
  • Raster Analysis ผ่านปลั๊กอินเสริม (Vertical Mapper)
  • 3D Visualization และ Time Series Mapping (ด้วยเสริม)

วิเคราะห์: แม้เครื่องมือวิเคราะห์ในตัวจะไม่ลึกเท่ากับ ArcGIS หรือ QGIS + GRASS/SAGA แต่ MapInfo มีอินเทอร์เฟซที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้ และเหมาะกับการวิเคราะห์พื้นที่เบื้องต้นถึงระดับกลาง โดยเฉพาะสำหรับการประยุกต์ในงานธุรกิจ การเงิน ประชากร และอสังหาริมทรัพย์


4. การจัดการข้อมูล (Data and Database Management)

MapInfo รองรับข้อมูลและฐานข้อมูลได้หลากหลาย ดังนี้:

  • ฐานข้อมูล:
    • Microsoft SQL Server, PostgreSQL/PostGIS, Oracle Spatial, Access
    • เชื่อมต่อผ่าน ODBC และใช้ Data Server technology
  • โครงสร้างข้อมูล:
    • Native Format: .TAB (Vector)
    • รองรับ: Shapefile, GeoTIFF, KML, CSV, DXF
    • Raster และ CAD format ผ่านปลั๊กอิน

วิเคราะห์: จุดเด่นคือความเสถียรในการจัดการข้อมูล .TAB ขนาดใหญ่ และความสามารถในการเชื่อมต่อฐานข้อมูลผ่าน ODBC เหมาะกับการทำงานแบบข้อมูลเชิงตาราง (Attribute-Driven GIS)


5. ข้อมูลราคา (Pricing – ปี พ.ศ. 2567)

รายการราคาโดยประมาณ (USD)
MapInfo Pro (Single License)$800–$1,500
MapInfo Pro Advanced (with Raster)$2,500–$3,000
Add-ons (Vertical Mapper, Routing ฯลฯ)เริ่มต้น $500 ขึ้นไป

วิเคราะห์: ราคาของ MapInfo อยู่ในระดับกลางเมื่อเทียบกับ ArcGIS แต่สูงกว่าซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์ส เหมาะกับองค์กรที่ต้องการโซลูชันที่ไม่ซับซ้อนแต่ยังมีศักยภาพสูงในงานวิเคราะห์เชิงพื้นที่


สรุปเชิงวิเคราะห์

ปัจจัยจุดแข็ง (Strengths)จุดที่ควรพิจารณา (Considerations)
ความสามารถทางเทคนิควิเคราะห์เชิงพื้นที่เบื้องต้น–กลางได้ดี โดยเฉพาะ thematic mappingเครื่องมือวิเคราะห์เชิงลึกหรือ Machine Learning ยังจำกัด
ความยืดหยุ่นใช้งานง่าย GUI เป็นมิตรต่อผู้เริ่มต้นไม่รองรับ Linux/macOS
ต้นทุนราคาปานกลาง เหมาะกับองค์กรทั่วไปต้องซื้อ add-ons เพิ่มสำหรับการใช้งานขั้นสูงบางประเภท
การสนับสนุนมีเอกสาร, คู่มือ, บริการฝึกอบรมจากตัวแทนในประเทศไทยชุมชนผู้ใช้ไม่กว้างเท่า QGIS หรือ ArcGIS

หมายเหตุสำหรับการวิจัยปัจจุบัน

MapInfo Professional ยังคงเหมาะสมสำหรับงานด้าน Location Intelligence และ Business GIS ที่ต้องการความรวดเร็วในการสร้างแผนที่ รายงาน และการสื่อสารข้อมูลในเชิงภูมิศาสตร์กับหน่วยธุรกิจหรือผู้บริหาร โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมธนาคาร ประกันภัย และโทรคมนาคม

สามารถใช้เป็นกรณีศึกษาในหลักสูตร:

  • Applied GIS for Business & Marketing
  • Mid-Level Spatial Software Comparison
  • GIS Deployment in Government-Private Partnership Contexts

📊 ตารางเปรียบเทียบ ArcGIS Pro vs QGIS (ข้อมูลล่าสุดปี 2025)

หมวดหมู่ArcGIS ProQGIS
ผู้พัฒนาEsri (สหรัฐอเมริกา)OSGeo Community (Open Source Geospatial Foundation)
ลิขสิทธิ์เชิงพาณิชย์ (Commercial License)โอเพ่นซอร์ส (GNU GPL)
ค่าใช้จ่ายโดยประมาณ$700–$10,000 ต่อปี (ขึ้นอยู่กับระดับ License และ Extension)ฟรี (ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ)
ระบบปฏิบัติการWindows 10/11 64-bit เท่านั้นWindows, macOS, Linux
การแสดงผล 3Dรองรับเต็มรูปแบบผ่าน Scene Layer, BIM, VRรองรับผ่านปลั๊กอิน 3D Viewer และ Qt3D
การวิเคราะห์เชิงพื้นที่ครอบคลุมและแม่นยำ พร้อม ModelBuilder และ ArcPyครอบคลุม ผ่าน Processing Toolbox และ SAGA/GRASS Integration
Deep Learning / AIรองรับผ่าน ArcGIS Deep Learning Librariesรองรับบางฟีเจอร์ผ่านปลั๊กอิน (ยังจำกัดกว่า ArcGIS Pro)
การวิเคราะห์เครือข่ายมี ArcGIS Network Analyst Extensionมี Network Analysis ผ่าน SAGA และปลั๊กอิน
ระบบฐานข้อมูลFileGDB, Enterprise GDB (SQL, Oracle, PostgreSQL, SAP)GeoPackage, PostGIS, SpatiaLite, MSSQL, Oracle (บางส่วน)
การสร้างแผนที่เว็บผ่าน ArcGIS Online / ArcGIS Enterpriseผ่าน QGIS Server, Lizmap, qgis2web (ต้องติดตั้งเพิ่มเติม)
อินเทอร์เฟซ (GUI)ทันสมัย คล้าย MS Office, Drag-and-Dropยืดหยุ่น ปรับแต่งได้สูง (แต่บางส่วนอาจซับซ้อนสำหรับผู้เริ่มต้น)
การเขียนสคริปต์ArcPy (Python), Jupyter NotebooksPyQGIS (Python), Jupyter, R integration
ปลั๊กอินเสริมผ่าน Esri Marketplace (บางส่วนมีค่าใช้จ่าย)Plugin Repository ฟรีกว่า 1,000 รายการ
การสนับสนุนและอบรมมีเอกสารครบ บริการลูกค้าและ Certified Trainingเอกสารออนไลน์, Community Forum, คู่มือจากมหาวิทยาลัย
เหมาะกับใครหน่วยงานรัฐ รัฐวิสาหกิจ บริษัทขนาดใหญ่ที่ต้องการระบบมาตรฐานสถาบันการศึกษา หน่วยงานท้องถิ่น โครงการที่มีงบจำกัด

📌 สรุปข้อเปรียบเทียบสำคัญ

หัวข้อArcGIS ProQGIS
จุดแข็งพลังวิเคราะห์สูง ระบบเสถียร มีบริการหลังการขายฟรี ปรับแต่งได้สูง ใช้งานได้ทุกระบบ
⚠️ ข้อควรพิจารณาต้องมีงบประมาณสูง ใช้ได้เฉพาะบน Windowsต้องเรียนรู้การปรับแต่งปลั๊กอินและระบบเพิ่มเติม

🎓 คำแนะนำการใช้งานตามกลุ่มผู้ใช้

กลุ่มผู้ใช้ซอฟต์แวร์แนะนำเหตุผล
มหาวิทยาลัย / การเรียนการสอนQGISฟรี ใช้ได้หลายระบบ แหล่งเรียนรู้มาก
หน่วยงานรัฐ / องค์กรใหญ่ArcGIS Proมั่นคง ปลอดภัย เชื่อมต่อฐานข้อมูลองค์กร
NGO / โครงการวิจัยขนาดกลางQGIS + PostGISคุ้มค่า มีเครื่องมือครบ

เปรียบเทียบ ArcGIS, QGIS และ MapInfo

จากข้อมูลในลิงก์ที่คุณให้มา สรุปการเปรียบเทียบซอฟต์แวร์ ArcGIS, QGIS และ MapInfo ได้ดังนี้:

1. ระบบปฏิบัติการที่รองรับ

  • ArcGIS: รองรับ Windows เท่านั้น แต่มี ArcGIS Online/Enterprise ที่ทำงานบน Web Browser ได้
  • QGIS: รองรับ Windows, Linux, macOS และ Android
  • MapInfo: รองรับ Windows เท่านั้น

2. คุณสมบัติการใช้งาน

คุณสมบัติArcGISQGISMapInfo
การแสดงผล/วิเคราะห์Dynamic Symbology, 2D/3D, Layout มืออาชีพDynamic Symbolization, Labeling, แสดงข้อมูลร่วมกันThematic mapping, label ขั้นสูง
ส่วนเสริมSpatial Analyst, Network Analyst, 3D Analyst, Deep LearningPlugin Store (1,000+ plugins) เช่น DB Manager, OpenLayersMapBasic, Spectrum Spatial, Vertical Mapper
โปรแกรมเสริมPython (ArcPy), ModelBuilder, Jupyter NotebooksPython (PyQGIS)MapBasic
การใช้งานStand-alone, เชื่อมต่อ ArcGIS Online/EnterpriseStand-alone, QGIS Server, QGIS Web ClientStand-alone, เชื่อมต่อฐานข้อมูลภายนอก
การเชื่อมต่อGNSS, UAV, RTK GPS, IoT SensorGPS, Scanner, RTK ผ่าน Serial/Bluetooth และ GNSS devices ผ่าน QFieldGPS, Scanner ผ่านมาตรฐานทั่วไป

3. ความสามารถด้านการวิเคราะห์ข้อมูล GIS

  • ArcGIS: มีเครื่องมือ Geoprocessing กว่า 1,000 รายการ, Raster Analytics, Machine Learning & Deep Learning
  • QGIS: มีเครื่องมือวิเคราะห์หลากหลาย และสามารถใช้ปลั๊กอินจาก GRASS GIS และ SAGA GIS เพิ่มเติมได้
  • MapInfo: มีเครื่องมือวิเคราะห์ระดับกลาง เช่น Buffer, Overlay, Heatmap และ Density Mapping

4. การจัดการข้อมูล

ArcGISQGISMapInfo
ฐานข้อมูลFile Geodatabase, Enterprise Geodatabase, Azure Blob, AWS S3PostgreSQL/PostGIS, SQLite/SpatiaLite, GeoPackage, MSSQL, Oracle Spatial, CSV, ExcelMicrosoft SQL Server, PostgreSQL/PostGIS, Oracle Spatial, Access
โครงสร้างข้อมูลVector (Topological), Raster, TIN, LAS, BIM, WMS, WFS, WMTS, 3DVector, Raster, TIN & 3D Models, Real-time GPS & Sensor Feeds, WMS, WFS, WMTS, XYZ TilesTAB (Vector), Shapefile, GeoTIFF, KML, CSV, DXF

5. ราคา (ปี 2567)

รายการArcGIS (USD/ปี)QGISMapInfo (USD)
ArcGIS Pro Basic (Single Use)$700ฟรี
ArcGIS Pro Advanced + Extensions$4,000–$10,000
ArcGIS Online (1 Creator License)$500
ArcGIS Enterprise (ระดับองค์กร)$25,000 ขึ้นไป
MapInfo Pro (Single License)$800–$1,500
MapInfo Pro Advanced (with Raster)$2,500–$3,000

สรุป

ปัจจัยArcGISQGISMapInfo
จุดแข็งครอบคลุม GIS ทุกระดับ, รองรับ AI และ Big Data, ผสาน Desktop, Web, Mobileวิเคราะห์ได้เทียบเท่าซอฟต์แวร์เชิงพาณิชย์, ยืดหยุ่น, ใช้งานได้หลากหลายแพลตฟอร์ม, ฟรีวิเคราะห์เชิงพื้นที่เบื้องต้น-กลางได้ดี, ใช้งานง่าย
จุดที่ควรพิจารณาต้องใช้ทรัพยากรเครื่องสูง, Learning curve สูง, ราคาสูง, ArcGIS Pro ใช้ได้เฉพาะบน Windowsต้องอาศัยการเรียนรู้เชิงเทคนิคเบื้องต้น, GUI บางฟีเจอร์อาจไม่เป็นมิตรกับผู้เริ่มต้น, ไม่มีบริการหลังการขายแบบทางการเครื่องมือวิเคราะห์เชิงลึกยังจำกัด, ไม่รองรับ Linux/macOS, ต้องซื้อ Add-ons เพิ่มเติม
เหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการระบบที่มีความเสถียร, ปลอดภัย และรองรับการทำงานร่วมกับระบบภายนอกได้ดี, Smart City, Digital Twinหน่วยงานการศึกษา, ภาครัฐ, โครงการวิจัยที่มีงบประมาณจำกัด, Open Innovationองค์กรทั่วไปที่ต้องการโซลูชันที่ไม่ซับซ้อน, งานด้านการตลาด, การประเมินพื้นที่, Business GIS

ฟังก์ชันที่ ArcGIS มีซึ่ง QGIS และ MapInfo ไม่มีหรือยังไม่ครบถ้วน ได้แก่:

  • เครื่องมือวิเคราะห์เชิงลึกและขั้นสูง (Advanced Geoprocessing Tools)
    ArcGIS มีเครื่องมือ Geoprocessing มากกว่า 1,000 รายการ รวมถึง Spatial Analyst, Network Analyst, 3D Analyst และเครื่องมือสำหรับ Raster Analytics ที่ครบถ้วนกว่า QGIS และ MapInfo
  • การรองรับการวิเคราะห์ด้วย AI และ Deep Learning
    ArcGIS มีฟีเจอร์สำหรับการประมวลผลเชิงลึก (Deep Learning) และ Machine Learning ที่ผสานเข้ากับการวิเคราะห์ GIS ได้โดยตรง ซึ่ง QGIS และ MapInfo ยังไม่มีฟังก์ชันนี้ในระดับเดียวกัน
  • ระบบนิเวศน์ครบวงจร (Integrated Platform)
    ArcGIS ไม่ใช่แค่ซอฟต์แวร์เดสก์ท็อป แต่เป็นแพลตฟอร์ม GIS เชิงพื้นที่ที่สมบูรณ์แบบ ครอบคลุมทั้ง Desktop, Web, Mobile, และ Enterprise ทำให้สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่นในทุกระดับ
  • ModelBuilder และการเขียนสคริปต์ ArcPy
    ArcGIS มีเครื่องมือ ModelBuilder สำหรับสร้างเวิร์กโฟลว์การวิเคราะห์แบบอัตโนมัติ และรองรับการเขียนสคริปต์ด้วย ArcPy (Python) ที่ลึกและครบถ้วนกว่า QGIS
  • การจัดการข้อมูลในรูปแบบ File Geodatabase และ Enterprise Geodatabase
    ArcGIS มีระบบฐานข้อมูลเฉพาะ (File Geodatabase และ Enterprise Geodatabase) ที่มีประสิทธิภาพสูงและรองรับการทำงานแบบองค์กร ซึ่ง QGIS และ MapInfo ใช้ฐานข้อมูลแบบเปิดและทั่วไปมากกว่า

สรุปคือ ArcGIS มีฟังก์ชันวิเคราะห์ขั้นสูง, การรองรับ AI/Deep Learning, ระบบนิเวศน์ครบวงจร และเครื่องมืออัตโนมัติที่ QGIS และ MapInfo ยังไม่มีหรือยังไม่สมบูรณ์เทียบเท่า

ฟังก์ชันที่ QGIS มีและแตกต่างหรือไม่มีใน ArcGIS และ MapInfo ได้แก่:

  • เป็นซอฟต์แวร์รหัสเปิด (Open Source) และฟรี
    QGIS สามารถดาวน์โหลดและใช้งานได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ซึ่งแตกต่างจาก ArcGIS และ MapInfo ที่เป็นซอฟต์แวร์เชิงพาณิชย์ต้องเสียค่าไลเซนส์
  • รองรับหลายระบบปฏิบัติการ
    QGIS ใช้งานได้บน Windows, Linux, และ macOS ขณะที่ ArcGIS และ MapInfo ส่วนใหญ่รองรับเฉพาะ Windows
  • การเชื่อมต่อและใช้งานร่วมกับซอฟต์แวร์ GIS อื่นๆ ได้ดี
    QGIS สามารถเชื่อมต่อกับฐานข้อมูล Spatial RDBMS เช่น PostGIS/PostgreSQL และสามารถเรียกใช้ฟังก์ชันของ GRASS GIS และ SAGA GIS ได้โดยตรง ทำให้ขยายความสามารถวิเคราะห์เชิงพื้นที่ได้มากขึ้น
  • ระบบปลั๊กอินจำนวนมากและการพัฒนาเสริมด้วย Python
    QGIS มีระบบปลั๊กอินที่หลากหลายและเปิดให้ผู้ใช้พัฒนาเพิ่มด้วยภาษา Python (PyQGIS) ทำให้สามารถปรับแต่งและเพิ่มฟังก์ชันเฉพาะทางได้อย่างยืดหยุ่น
  • การแก้ไขข้อมูลและการจัดการ Attribute Table ที่ง่ายและยืดหยุ่น
    QGIS มีฟังก์ชันแก้ไขข้อมูลเชิงพื้นที่และตารางข้อมูล (Attribute) ที่ใช้งานง่าย เช่น การเปิดตารางข้อมูลเพื่อแก้ไขโดยตรง, การสร้างและแก้ไขชั้นข้อมูลใหม่, การกรองและค้นหาข้อมูลในตารางได้สะดวก
  • รองรับการนำเข้าข้อมูลจากหลากหลายฟอร์แมตและการจัดการระบบพิกัดที่ยืดหยุ่น
    QGIS รองรับการนำเข้าข้อมูลเวกเตอร์และราสเตอร์จากฟอร์แมตต่างๆ รวมถึงการกำหนดและเปลี่ยนระบบพิกัดภูมิศาสตร์ได้ง่าย

สรุปคือ QGIS มีจุดเด่นในเรื่องความเป็นโอเพนซอร์ส, รองรับหลายแพลตฟอร์ม, การเชื่อมต่อกับซอฟต์แวร์ GIS อื่นๆ, ระบบปลั๊กอินและการพัฒนาเสริมที่ยืดหยุ่น รวมถึงการจัดการข้อมูลที่ง่ายและหลากหลาย ซึ่ง ArcGIS และ MapInfo ไม่มีในลักษณะเดียวกันหรือมีข้อจำกัดมากกว่า

ฟังก์ชันที่ MapInfo มีซึ่งแตกต่างหรือไม่มีใน ArcGIS และ QGIS ได้แก่:

  • ความง่ายและรวดเร็วในการใช้งานสำหรับงานธุรกิจและการตลาด
    MapInfo ถูกออกแบบมาให้ใช้งานง่าย เหมาะกับผู้ใช้ที่ต้องการวิเคราะห์เชิงพื้นที่ในระดับเบื้องต้นถึงกลาง เช่น การวิเคราะห์ตลาด การวางแผนธุรกิจ และการจัดการข้อมูลเชิงพื้นที่ในองค์กรธุรกิจทั่วไป ซึ่ง ArcGIS และ QGIS อาจมีความซับซ้อนหรือเน้นฟีเจอร์เชิงลึกมากกว่า
  • การทำงานกับไฟล์ข้อมูลเฉพาะ (MapInfo TAB format)
    MapInfo ใช้รูปแบบไฟล์เฉพาะของตัวเอง (เช่น .TAB) ที่มีการจัดเก็บข้อมูลเชิงพื้นที่และ Attribute อย่างมีประสิทธิภาพในรูปแบบที่เหมาะกับการใช้งานในธุรกิจและองค์กรบางประเภท ซึ่ง ArcGIS และ QGIS รองรับแต่ไม่ใช่รูปแบบหลัก
  • เครื่องมือ MapBasic สำหรับการพัฒนาและปรับแต่ง
    MapInfo มีภาษาโปรแกรม MapBasic ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถพัฒนาเครื่องมือและฟังก์ชันเสริมเฉพาะทางได้ง่ายและรวดเร็วในสภาพแวดล้อมของ MapInfo เอง ซึ่งแตกต่างจาก ArcGIS ที่ใช้ ArcPy และ QGIS ที่ใช้ Python แต่ MapBasic มีความเรียบง่ายและเน้นการใช้งานในธุรกิจ
  • การเชื่อมต่อกับฐานข้อมูลธุรกิจและระบบ ERP
    MapInfo มีความสามารถในการเชื่อมต่อและทำงานร่วมกับฐานข้อมูลธุรกิจ เช่น Microsoft SQL Server, Oracle Spatial และระบบ ERP ต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะกับองค์กรที่ต้องการผสาน GIS เข้ากับระบบบริหารจัดการข้อมูลธุรกิจ
  • การแสดงผลและการทำแผนที่ที่เน้นการใช้งานเชิงธุรกิจ
    MapInfo มีฟีเจอร์การทำแผนที่และการแสดงผลที่เหมาะกับการวิเคราะห์ตลาด การวางแผนพื้นที่ขาย และการจัดการข้อมูลลูกค้า ซึ่งอาจมีเครื่องมือเฉพาะที่ตอบโจทย์งานธุรกิจมากกว่า ArcGIS และ QGIS ในบางกรณี

สรุปคือ MapInfo มีจุดเด่นในเรื่องความง่ายต่อการใช้งานสำหรับงานธุรกิจ การจัดการไฟล์ข้อมูลเฉพาะ การพัฒนาเครื่องมือด้วย MapBasic และการเชื่อมต่อกับระบบฐานข้อมูลธุรกิจที่ตอบโจทย์องค์กรทั่วไปมากกว่า ArcGIS และ QGIS

ใส่ความเห็น

Related Posts