21, เม.ย. 2025
การบูรณาการ Spatial Computing และ Digital Twin เพื่อเร่งพัฒนาระบบนิเวศภูมิสารสนเทศ

บทวิเคราะห์วิชาการ: การประชุม Geospatial World Forum 2025 – การบูรณาการ Spatial Computing และ Digital Twin เพื่อเร่งพัฒนาระบบนิเวศภูมิสารสนเทศ

บทนำ

การประชุม Geospatial World Forum (GWF) ประจำปี 2025 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 22–25 เมษายน ณ กรุงมาดริด ประเทศสเปน ถือเป็นเวทีสำคัญระดับโลกสำหรับนักวิชาการ นักวิจัย และผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิสารสนเทศ โดยมีธีมหลักว่า “Spatial Computing & Digital Twin Enterprise: Accelerating the Future Geospatial Ecosystem” ซึ่งเน้นการบูรณาการเทคโนโลยีเชิงพื้นที่กับระบบดิจิทัล เพื่อเร่งพัฒนาระบบนิเวศภูมิสารสนเทศในภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ

แนวคิดหลัก: การบูรณาการ Spatial Computing และ Digital Twin

Spatial Computing คือ การผสานโลกทางกายภาพและดิจิทัลเข้าด้วยกันผ่านการใช้ข้อมูลเชิงพื้นที่แบบเรียลไทม์จากเซนเซอร์ ซอฟต์แวร์อัจฉริยะ และอัลกอริธึมขั้นสูง รวมถึงเทคโนโลยีเสมือนจริง (AR) และเสมือนจริงเต็มรูปแบบ (VR) เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมเสมือนที่สามารถสำรวจและปรับปรุงการดำเนินงานในภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น การดูแลสุขภาพ การก่อสร้าง และการวางผังเมือง

Digital Twin Enterprise คือ การสร้างแบบจำลอง 3 มิติของวัตถุหรือระบบจริง โดยใช้ข้อมูลเชิงพื้นที่แบบเรียลไทม์ ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถจัดการ วิเคราะห์ จำลอง และปรับปรุงข้อมูลเชิงพื้นที่ที่ซับซ้อนได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพ

การประยุกต์ใช้ในภาคอุตสาหกรรม

การประชุม GWF 2025 ได้แสดงให้เห็นถึงการประยุกต์ใช้ Spatial Computing และ Digital Twin ในภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น:

  • การวางผังเมืองและโครงสร้างพื้นฐาน: การใช้ Digital Twin เพื่อจำลองและวิเคราะห์โครงสร้างพื้นฐานของเมือง ช่วยในการวางแผนและการตัดสินใจที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • การวางผังเมืองด้วย Digital Twin
  • Digital Twin ช่วยให้ผู้วางแผนเมืองสามารถจำลองสถานการณ์ต่าง ๆ เช่น การเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดิน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานใหม่ หรือการปรับปรุงระบบขนส่งสาธารณะ ตัวอย่างเช่น ในเมือง Des Moines สหรัฐอเมริกา ได้ใช้ Digital Twin เพื่อประเมินผลกระทบของโครงการพัฒนาต่อทัศนียภาพของเมืองและการวางผังพื้นที่สีเขียว Axios
  • การจัดการโครงสร้างพื้นฐานด้วย Digital Twin
  • Digital Twin ช่วยในการตรวจสอบและบำรุงรักษาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนน สะพาน และระบบสาธารณูปโภค โดยการรวมข้อมูลจากเซนเซอร์และแหล่งข้อมูลต่าง ๆ เพื่อวิเคราะห์สภาพและคาดการณ์ความต้องการในการบำรุงรักษา ในเมืองต่าง ๆ เช่น สิงคโปร์และอัมสเตอร์ดัม ได้ใช้ Digital Twin เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบพลังงานและการจัดการทรัพยากร Reuters
  • การมีส่วนร่วมของประชาชน
  • Digital Twin ยังเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ประชาชนสามารถมีส่วนร่วมในการวางผังเมือง โดยการให้ข้อมูลและความคิดเห็นผ่านแพลตฟอร์มเสมือน ซึ่งช่วยให้การวางแผนเมืองมีความโปร่งใสและตอบสนองต่อความต้องการของชุมชนมากขึ้น ตัวอย่างเช่น ในเมือง Rennes ประเทศฝรั่งเศส ได้ใช้ Digital Twin เพื่อส่งเสริมกระบวนการวางแผนที่มีส่วนร่วมของประชาชน
  • การเกษตร: การใช้ข้อมูลเชิงพื้นที่และเซนเซอร์เพื่อปรับปรุงการจัดการทรัพยากรและเพิ่มผลผลิต การประยุกต์ใช้เทคโนโลยี Digital Twin ในภาคการเกษตร: การบูรณาการข้อมูลเชิงพื้นที่และเซนเซอร์เพื่อการจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและเพิ่มผลผลิต
  • การบูรณาการข้อมูลเชิงพื้นที่และเซนเซอร์
  • การสร้าง Digital Twin สำหรับภาคการเกษตรต้องอาศัยการบูรณาการข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ เช่น ข้อมูลจากเซนเซอร์ภาคสนาม (เช่น ความชื้นในดิน อุณหภูมิ ปริมาณสารอาหาร) ข้อมูลจากดาวเทียมและโดรน (เช่น ภาพถ่ายทางอากาศ ดัชนีความเขียว NDVI) และข้อมูลภูมิอากาศ (เช่น ปริมาณฝน อุณหภูมิ ลม) ข้อมูลเหล่านี้จะถูกนำมาประมวลผลร่วมกันเพื่อสร้างแบบจำลองเสมือนของฟาร์มที่สามารถจำลองสภาพแวดล้อมและการเจริญเติบโตของพืชได้อย่างแม่นยำ​
  • การจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ
  • Digital Twin ช่วยให้เกษตรกรสามารถวางแผนการใช้ทรัพยากรต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การวางแผนการให้น้ำ การใส่ปุ๋ย และการใช้สารเคมี โดยอิงจากข้อมูลที่ได้จากแบบจำลองเสมือนของฟาร์ม ตัวอย่างเช่น ระบบ CropSmart Digital Twin (CSDT) ที่พัฒนาโดยมหาวิทยาลัย George Mason ใช้ข้อมูลจากเซนเซอร์ภาคสนามและภาพถ่ายดาวเทียมร่วมกับปัญญาประดิษฐ์เพื่อจำลองสภาพแวดล้อมของฟาร์มและช่วยในการตัดสินใจด้านการจัดการพืชผล GIS Resources
  • การเพิ่มผลผลิตและความยั่งยืน
  • การใช้ Digital Twin ช่วยให้เกษตรกรสามารถคาดการณ์ผลผลิตได้อย่างแม่นยำและวางแผนการเก็บเกี่ยวได้อย่างเหมาะสม นอกจากนี้ยังช่วยลดการใช้ทรัพยากรที่ไม่จำเป็น ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และส่งเสริมการเกษตรที่ยั่งยืน ตัวอย่างเช่น โครงการของ NASA ที่ใช้ Digital Twin ร่วมกับแบบจำลองการเจริญเติบโตของพืชและข้อมูลจากดาวเทียมเพื่อปรับปรุงการคาดการณ์ผลผลิตและการจัดการทรัพยากรน้ำ
  • การจัดการภัยพิบัติ: การใช้ Spatial Computing เพื่อจำลองสถานการณ์และวางแผนการตอบสนองต่อภัยพิบัติอย่างมีประสิทธิภาพ
  • การจำลองสถานการณ์และการวางแผนการตอบสนอง
  • Digital Twin ช่วยให้สามารถจำลองสถานการณ์ภัยพิบัติ เช่น แผ่นดินไหว น้ำท่วม หรือไฟป่า ได้ในสภาพแวดล้อมเสมือนจริง โดยใช้ข้อมูลจากเซนเซอร์ภาคสนาม ดาวเทียม และแหล่งข้อมูลอื่น ๆ มาสร้างแบบจำลองที่สามารถแสดงผลกระทบของภัยพิบัติต่อโครงสร้างพื้นฐานและประชากรในพื้นที่ต่าง ๆ การจำลองเหล่านี้ช่วยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถวางแผนการอพยพ การจัดสรรทรัพยากร และการตอบสนองต่อเหตุการณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ​
  • การวิเคราะห์ความเสี่ยงและการประเมินผลกระทบ
  • ด้วยความสามารถในการประมวลผลข้อมูลเชิงพื้นที่ Digital Twin ช่วยในการวิเคราะห์ความเสี่ยงของพื้นที่ต่าง ๆ ต่อภัยพิบัติ โดยพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น ความหนาแน่นของประชากร สภาพภูมิประเทศ และโครงสร้างพื้นฐาน นอกจากนี้ยังสามารถประเมินผลกระทบของภัยพิบัติต่อระบบต่าง ๆ เช่น ระบบคมนาคม ระบบสาธารณูปโภค และระบบสาธารณสุข ข้อมูลเหล่านี้เป็นประโยชน์ในการวางแผนและตัดสินใจในการจัดการภัยพิบัติ MDPIKnowledge Hub
  • การฝึกอบรมและการเตรียมความพร้อม
  • Digital Twin ยังสามารถใช้ในการฝึกอบรมและเตรียมความพร้อมของเจ้าหน้าที่และประชาชนต่อภัยพิบัติ โดยการสร้างสถานการณ์จำลองที่ใกล้เคียงกับเหตุการณ์จริง ทำให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมสามารถเรียนรู้และฝึกปฏิบัติในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย การฝึกอบรมเหล่านี้ช่วยเพิ่มความมั่นใจและความพร้อมในการตอบสนองต่อเหตุการณ์จริง ICCGIS 2024
  • การประสานงานและการสื่อสาร
  • ในสถานการณ์ภัยพิบัติ การประสานงานระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ เป็นสิ่งสำคัญ Digital Twin ช่วยในการสร้างภาพรวมของสถานการณ์ที่เป็นปัจจุบันและแม่นยำ ทำให้หน่วยงานต่าง ๆ สามารถสื่อสารและประสานงานกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังช่วยในการตัดสินใจและวางแผนการตอบสนองต่อเหตุการณ์ได้อย่างรวดเร็ว

ผลกระทบต่อระบบนิเวศภูมิสารสนเทศ

การบูรณาการ Spatial Computing และ Digital Twin ช่วยเร่งพัฒนาระบบนิเวศภูมิสารสนเทศ โดย:

  • เพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการข้อมูล: การใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ช่วยให้สามารถจัดการและวิเคราะห์ข้อมูลเชิงพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • ส่งเสริมการตัดสินใจที่มีข้อมูลสนับสนุน: การมีข้อมูลเชิงพื้นที่ที่แม่นยำและทันสมัยช่วยให้ผู้มีอำนาจตัดสินใจสามารถทำการตัดสินใจที่ดีขึ้น
  • สนับสนุนความยั่งยืนและความยืดหยุ่น: การใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ช่วยในการวางแผนและการดำเนินงานที่ยั่งยืนและยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลง

สรุป

การประชุม Geospatial World Forum 2025 ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการบูรณาการ Spatial Computing และ Digital Twin ในการเร่งพัฒนาระบบนิเวศภูมิสารสนเทศ การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ในภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการข้อมูล การตัดสินใจ และการวางแผนที่ยั่งยืนและยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลงในอนาคต

อ้างอิง

ใส่ความเห็น

Related Posts