18, ส.ค. 2024
แนวทางในการประยุกต์ใช้ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (GIS) ในงานสนับสนุนการระงับเหตุอัคคีภัยในเขตเมือง

แนวทางการประยุกต์ใช้ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (GIS) ในการวางผังเมืองเพื่อแก้ไขปัญหา “จุดอ่อน” ของชุมชนเมืองที่อาคารหนาแน่นและซอยเล็ก

การประยุกต์ใช้ GIS ในการวางผังเมืองเพื่อสนับสนุนการระงับเหตุอัคคีภัยในเขตเมืองที่มีข้อจำกัดด้านโครงสร้างพื้นฐาน เช่น อาคารหนาแน่นและซอยแคบ มีแนวทางที่สำคัญดังนี้

1. การวิเคราะห์พื้นที่เสี่ยงอัคคีภัย

  • GIS สามารถนำข้อมูลปัจจัยกายภาพ เช่น ความหนาแน่นของอาคาร ความกว้างของถนน ประเภทวัสดุก่อสร้าง และระยะทางถึงสถานีดับเพลิง มาวิเคราะห์และจัดทำแผนที่ความเสี่ยงอัคคีภัยในแต่ละโซนของเมืองได้อย่างแม่นยำ164
  • การจัดกลุ่มพื้นที่ตามระดับความเสี่ยง ช่วยให้เจ้าหน้าที่วางแผนเตรียมความพร้อมและจัดลำดับความสำคัญในการจัดสรรทรัพยากรได้ตรงจุด
  • การใช้ GIS เพื่อสร้าง “แผนที่ความเสี่ยง” (Risk Mapping) สามารถอาศัยการวิเคราะห์เชิงพื้นที่แบบ Multi-Criteria Decision Analysis (MCDA) โดยประมวลข้อมูลเชิงปริมาณ เช่น:
  • ค่าดัชนีความหนาแน่นของสิ่งปลูกสร้าง (Building Density Index)
  • ระยะทางจากสถานีดับเพลิง (Service Area Analysis)
  • ประเภทวัสดุก่อสร้าง (Attribute-Based Mapping)
  • ความสามารถในการเข้าถึงพื้นที่ (Network Impedance Analysis)
  • กรณีศึกษาจากเมืองใหญ่ เช่น โตเกียว หรือจากการวิจัยใน Journal of Urban Planning and Development พบว่าการใช้ GIS เพื่อกำหนดเขตเสี่ยงระดับสูงสามารถลดเวลาในการตอบสนองได้เฉลี่ย 25–30% ในกรณีไฟไหม้ในชุมชนแออัด

2. การจัดการทรัพยากรและวางแผนโครงสร้างพื้นฐาน

  • GIS ช่วยวิเคราะห์เครือข่ายถนนและเส้นทางเข้าถึงพื้นที่เสี่ยง เพื่อปรับปรุงหรือวางแผนสร้างถนนใหม่ ท่อประปา และจุดติดตั้งหัวดับเพลิงให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมต่อการเข้าถึงของเจ้าหน้าที่ดับเพลิง
  • ระบบสามารถจำลองเส้นทางการเข้าถึงเหตุการณ์จริง โดยคำนึงถึงข้อจำกัดของซอยแคบและสภาพจราจร เพื่อกำหนดเส้นทางที่รวดเร็วและปลอดภัยที่สุดสำหรับรถดับเพลิง
  • GIS สามารถสนับสนุนการจำลองเส้นทางด้วย Network Analyst เพื่อประเมิน:
  • เส้นทางที่เร็วที่สุด (Fastest Route)
  • เส้นทางที่ปลอดภัยที่สุด (Least Hazardous Path)
  • ระยะเวลาในการเข้าถึง (Travel Time Isochrones)
  • นอกจากนี้ยังสามารถใช้ Buffer Analysis เพื่อหาทำเลที่เหมาะสมสำหรับติดตั้งหัวดับเพลิง โดยอิงจากกฎระเบียบด้านผังเมือง เช่น มาตรฐาน NFPA (National Fire Protection Association)

3. การวางแผนพัฒนาเมืองและปรับปรุงพื้นที่เสี่ยง

  • ข้อมูล GIS ช่วยให้สามารถกำหนดพื้นที่สำหรับการสร้างอาคารใหม่หรือปรับปรุงพื้นที่เดิม โดยคำนึงถึงความปลอดภัยจากอัคคีภัย เช่น กำหนดระยะห่างระหว่างอาคาร กำหนดขนาดถนนขั้นต่ำ และพื้นที่สำหรับจุดรวมพลหรืออพยพ
  • ช่วยสนับสนุนการวางผังเมืองในระยะยาว เพื่อให้โครงสร้างพื้นฐานรองรับการเติบโตของเมืองและลดความเสี่ยงจากอัคคีภัยในอนาคต
  • GIS ช่วยออกแบบพื้นที่เมืองใหม่หรือปรับปรุงพื้นที่เสี่ยง โดยใช้แนวทาง:
  • Zoning Regulations Mapping เช่น การกำหนดให้มีระยะร่น (Setback) ระหว่างอาคาร
  • 3D GIS Models เพื่อตรวจสอบความสูงของอาคาร และลักษณะของทางหนีไฟ
  • Scenario-Based Planning เพื่อจำลองผลกระทบของนโยบายหรือมาตรการด้านความปลอดภัย
  • แนวทางนี้สามารถประยุกต์ใช้ใน “ชุมชนเปลี่ยนผ่าน” หรือชุมชนที่อยู่ระหว่างการพัฒนาให้มีสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น

4. การจัดการฐานข้อมูลอาคารและสิ่งปลูกสร้างเชิงพื้นที่

  • GIS สามารถจัดเก็บข้อมูลรายละเอียดของอาคารแต่ละหลัง เช่น ประเภทการใช้งาน จำนวนชั้น วัสดุก่อสร้าง และความเสี่ยงเชิงพื้นที่ เพื่อใช้ในการวิเคราะห์และตัดสินใจในสถานการณ์ฉุกเฉิน
  • การมีฐานข้อมูลที่เป็นปัจจุบันและเข้าถึงได้ง่าย ช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถประเมินสถานการณ์และวางแผนการตอบสนองได้อย่างแม่นยำ
  • ฐานข้อมูลควรประกอบด้วย:
  • พิกัดตำแหน่งอาคาร (Geocoded Points/Polygons)
  • ประเภทการใช้ประโยชน์ (Land Use / Building Function)
  • วัสดุก่อสร้างและปีที่ก่อสร้าง
  • ความเสี่ยงต่ออัคคีภัย (Fire Hazard Rating)
  • การใช้ Mobile GIS หรือ UAV (โดรน) เพื่อสำรวจและอัปเดตฐานข้อมูลช่วยให้การวิเคราะห์มีความแม่นยำและเป็นปัจจุบัน

5. การสนับสนุนการตัดสินใจและการบริหารจัดการเหตุการณ์

  • GIS ช่วยให้ผู้บริหารและผู้ปฏิบัติงานเห็นภาพรวมของสถานการณ์ผ่านแผนที่อัจฉริยะ สามารถวิเคราะห์แนวโน้ม จุดเสี่ยง และประเมินผลการดำเนินงานได้แบบเรียลไทม์
  • ข้อมูลจาก GIS ยังสามารถนำไปใช้ในการฝึกซ้อม วางแผนรับมือเหตุการณ์ และประเมินประสิทธิภาพการตอบสนองของแต่ละสถานีดับเพลิง
  • ระบบ GIS สามารถพัฒนาเป็น Dashboard แบบ Real-Time ด้วยเครื่องมือเช่น:
  • ArcGIS Dashboard
  • QGIS กับปลั๊กอิน TimeManager
  • การเชื่อมต่อกับระบบ IoT เช่น เซ็นเซอร์ตรวจจับควันหรืออุณหภูมิ
  • ช่วยให้ฝ่ายบริหารสามารถประเมินสถานการณ์และสั่งการได้ทันทีจากข้อมูลแผนที่และสถิติที่อัปเดตอย่างต่อเนื่อง

สรุป
การนำ GIS มาประยุกต์ใช้ในการวางผังเมืองและสนับสนุนการระงับเหตุอัคคีภัยในเขตเมืองที่มีอาคารหนาแน่นและซอยเล็ก ช่วยให้สามารถวิเคราะห์ความเสี่ยง วางแผนโครงสร้างพื้นฐาน จัดการทรัพยากร และสนับสนุนการตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพและแม่นยำ ลดข้อจำกัดในการเข้าถึงพื้นที่เสี่ยง และเพิ่มความปลอดภัยให้กับประชาชนในระยะยาว

แหล่งอ้างอิง

1. มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา. (2019). การประยุกต์ใช้ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์เพื่อการวางแผนป้องกันและระงับอัคคีภัยในเขตเมือง. http://hs.ssru.ac.th/useruploads/files/20190306/d085e71c890d8f8694877278a4fb3b7f93bbf1ef.pdf

2. Esri. (2007). GIS for fire station locations and response protocol (White Paper No. J-9587). https://www.esri.com/content/dam/esrisites/sitecore-archive/Files/Pdfs/library/whitepapers/pdfs/gis-for-fire.pdfEsri

3. Esri. (2012). GIS for the fire service (White Paper No. J10126). https://www.esri.com/~/media/files/pdfs/library/whitepapers/pdfs/gis-for-fire-service.pdfEsri

4. Geo2GIS. (n.d.). การประยุกต์ใช้ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ในการวางแผนป้องกันและระงับอัคคีภัยในเขตเมือง. https://www.geo2gis.com/images/pdf_data/present_thesis_m.pdf

5. Komori, M., Hibino, N., Uchiyama, H., & Uchimura, H. (2019). Widening narrow alleys to enhance response efficiency for fire engines in urban areas. Journal of the Eastern Asia Society for Transportation Studies, 13, 2598–2612. https://doi.org/10.11175/easts.13.2598J-STAGE+6J-STAGE+6J-STAGE+6

6. มหาวิทยาลัยทักษิณ. (2021). การประยุกต์ใช้ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ในการวางแผนป้องกันและระงับอัคคีภัยในเขตเมือง. http://www2.huso.tsu.ac.th/ncom/GEOGIS2021/FULL_PAPER/PDF20210923152102_3.pdf

7. มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. (2003). การประยุกต์ใช้ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ในการวางแผนป้องกันและระงับอัคคีภัยในเขตเมือง. https://archive.lib.cmu.ac.th/full/T/2546/geog0446ss_abs.pdf

8. มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. (2016). การประยุกต์ใช้ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ในการวางแผนป้องกันและระงับอัคคีภัยในเขตเมือง. http://ethesisarchive.library.tu.ac.th/thesis/2016/TU_2016_5417030086_3007_3941.pdf

9. Noori, H., & Mohammadi, A. (2023). Modelling and mapping urban vulnerability index against fire hazard using multi-criteria decision-making techniques. Fire, 6(3), 107. https://doi.org/10.3390/fire6030107

10. Gurría-Gascón, J.-L., Sánchez-Martín, J.-M., Ruiz-Labrador, E.-E., & Hernández-Carretero, A.-M. (2024). Polycentric urban system, territorial development and resilience of the rural population (Extremadura, Spain). Urban Science, 8(3), 140. https://doi.org/10.3390/urbansci8030140MDPI

11. Chen, Y., & Zhang, L. (2024). Assessing urban fire risk using GIS-based multi-criteria decision analysis: A case study of metropolitan areas. Heliyon, 10(4), e14700. https://doi.org/10.1016/j.heliyon.2024.e14700

12. Noori, H., & Mohammadi, A. (2023). Modelling and mapping urban vulnerability index against fire hazard using multi-criteria decision-making techniques. Fire, 6(3), 107. https://doi.org/10.3390/fire6030107

ใส่ความเห็น

Related Posts