14, ก.พ. 2022
ความสำคัญ HR Upskill พนักงานฝ่าย Geospatial Tech.

การบริหารทรัพยากรมนุษย์ในองค์กรที่ทำงานด้าน Geospatial Technology (เทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ) ซึ่งจำเป็นต้องมีการพัฒนาศักยภาพและ Upskill บุคลากรอย่างต่อเนื่อง โดยสามารถแจกแจงเหตุผลในเชิงวิชาการและกลยุทธ์ได้ดังนี้:


1. ลักษณะของเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว

Geospatial Technology เช่น GIS, Remote Sensing, GNSS, UAV, LiDAR, AI for geospatial, และ Web Mapping เป็นเทคโนโลยีที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง เช่น

  • การเปลี่ยนผ่านจาก Desktop GIS สู่ Web-based และ Cloud GIS
  • การใช้ AI/ML ในการประมวลผลข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียม
  • การใช้งาน Google Earth Engine (GEE), ArcGIS Online, QGIS plugins ใหม่ ๆ
  • อุปกรณ์ใหม่ๆ เช่น Drone/UAV LiDAR 3D laser scanner
  • แนวคิดใหม่ๆ เช่น Digital Twin, Smart City, BIM, Carbon Credit, BCG, ESG.

เหตุผล: บุคลากรที่ไม่ได้รับการฝึกอบรมจะล้าหลัง ไม่สามารถใช้เครื่องมือที่ทันสมัยได้ ทำให้องค์กรสูญเสียความสามารถในการแข่งขันและขาดประสิทธิภาพในการดำเนินงาน


2. มาตรฐานข้อมูลและความแม่นยำทางวิชาการ

การทำงานด้านภูมิสารสนเทศเกี่ยวข้องกับการผลิตและวิเคราะห์ข้อมูลเชิงพื้นที่ที่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น

  • การประเมินคาร์บอนจากป่าไม้ Carbon Credit, ESG
  • การวิเคราะห์พื้นที่เสี่ยงภัย PM2.5
  • การวางแผนผังเมืองเพื่อพร้อมเผชิญเหตุภัยธรรมชาติ (เช่น น้ำท่วม แผ่นดินไหว)

เหตุผล: ต้องใช้ความรู้ขั้นสูงในเรื่อง CRS (Coordinate Reference System), Spatial Analysis, การประเมินความคลาดเคลื่อนเชิงตำแหน่ง ฯลฯ หากไม่มีการ Upskill อย่างสม่ำเสมอ บุคลากรจะขาดความเข้าใจเชิงลึกในการตีความผลลัพธ์


3. ความสามารถในการบูรณาการกับศาสตร์อื่น ๆ (Interdisciplinary Integration)

เทคโนโลยีภูมิสารสนเทศถูกประยุกต์ใช้ร่วมกับสาขาอื่น เช่น:

  • เกษตรอัจฉริยะ (Smart Agriculture) ร่วมกับ IoT และการวิเคราะห์เชิงพยากรณ์
  • การวางแผนการแพทย์ (Public Health GIS) เช่น การติดตามโรคระบาด
  • การบริหารภัยพิบัติ (Disaster Management GIS)

เหตุผล: บุคลากรต้องสามารถสื่อสารและทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญจากสาขาอื่นได้ จึงต้องฝึกอบรมในด้านการวิเคราะห์เชิงระบบ การสื่อสารข้อมูล และการใช้แพลตฟอร์มแบบ Real-time


4. ข้อกำหนดทางนโยบายและมาตรฐานระดับสากล

หน่วยงานภาครัฐและองค์กรระหว่างประเทศมักมีแนวทางหรือข้อกำหนดในการใช้เทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ เช่น:

  • UN-GGIM (United Nations Committee of Experts on Global Geospatial Information Management)
  • SDGs (Sustainable Development Goals) ที่ใช้ข้อมูลภูมิสารสนเทศในการวัดดัชนี
  • INSPIRE Directive ในยุโรปที่กำหนดมาตรฐานข้อมูลเชิงพื้นที่

เหตุผล: เพื่อให้องค์กรสามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดเหล่านี้ได้ จำเป็นต้องมีบุคลากรที่เข้าใจข้อกำหนดและสามารถปรับใช้เทคโนโลยีให้เป็นไปตามมาตรฐาน


5. การเตรียมความพร้อมสำหรับงานวิจัยและนวัตกรรม

บุคลากรในหน่วยงาน Geospatial Technology มีบทบาทสำคัญในการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ เช่น:

  • ระบบตรวจวัดแผ่นดินไหวราคาถูกที่เชื่อมโยงกับ GIS (เช่นที่คุณพัฒนาร่วมกับคณะฯ)
  • การวิเคราะห์ Big Geospatial Data ด้วย AI
  • การพัฒนา Dashboard การจัดการทรัพยากรธรรมชาติ

เหตุผล: การฝึกอบรมและ Upskill ช่วยให้บุคลากรพร้อมต่อยอดเป็นผู้นำด้านนวัตกรรม ไม่ใช่เพียงผู้ปฏิบัติงานเท่านั้น


บทสรุปเชิงยุทธศาสตร์

ประเด็นเหตุผลที่ต้อง Upskill
ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง
ความแม่นยำในการวิเคราะห์ลดข้อผิดพลาด เพิ่มความน่าเชื่อถือของข้อมูล
การทำงานแบบสหวิทยาการเชื่อมโยงกับงานด้านอื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
มาตรฐานสากลรองรับการทำงานในระดับนานาชาติ
นวัตกรรมสร้างมูลค่าเพิ่มผ่านการคิดค้นและวิจัย

คอร์สอบรมการพัฒนาศักยภาพและการ Upskill ด้านเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ

การพัฒนาศักยภาพและการ Upskill ด้านเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศในระดับสากล หน่วยงานต่าง ๆ เช่น Esri, UN-GGIM, และ GSDI ได้จัดหลักสูตรและทรัพยากรการฝึกอบรมที่ครอบคลุมทั้งด้านเทคนิคและเชิงนโยบาย ดังนี้:​


1. Esri Training & Certification

Esri เป็นผู้นำด้าน GIS ที่มีหลักสูตรฝึกอบรมหลากหลายรูปแบบ ทั้งแบบเรียนด้วยตนเอง (self-paced), การเรียนแบบมีผู้สอน (instructor-led), และ Massive Open Online Courses (MOOCs) โดยครอบคลุมหัวข้อต่าง ๆ เช่น:​

  • ArcGIS Pro, ArcGIS Online, Web GIS
  • Spatial Analysis, Geodatabase Management, Python (ArcPy)
  • Geospatial Intelligence (GEOINT)

นอกจากนี้ยังมีโปรแกรมการรับรอง (certification) สำหรับระดับ Associate และ Professional เพื่อยืนยันความเชี่ยวชาญในเทคโนโลยีของ Esri .​


2. UN-GGIM: Geospatial Leadership Training Program

โครงการฝึกอบรมผู้นำด้านภูมิสารสนเทศของ UN-GGIM มุ่งเน้นการเสริมสร้างความสามารถในการบริหารจัดการข้อมูลภูมิสารสนเทศเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยเนื้อหาครอบคลุม:​

  • GeoAI, Digital Twins, On-demand Geospatial Ecosystems
  • การบริหารจัดการข้อมูลภูมิสารสนเทศอย่างมีจริยธรรมและปลอดภัย
  • การประยุกต์ใช้ข้อมูลภูมิสารสนเทศในการตัดสินใจและการแก้ปัญหา

หลักสูตรนี้มีรูปแบบการเรียนรู้แบบผสมผสาน (hybrid) ทั้งออนไลน์และแบบพบหน้า เพื่อให้เข้าถึงได้อย่างทั่วถึง โดยเฉพาะในภูมิภาคที่ขาดแคลนทรัพยากร .​


3. GSDI Association: SDI Capacity Building

GSDI Association ให้การสนับสนุนด้านการพัฒนาขีดความสามารถในการสร้างและดำเนินการโครงสร้างพื้นฐานข้อมูลภูมิสารสนเทศ (SDI) ผ่านทรัพยากรต่าง ๆ เช่น:

  • SDI Cookbook: คู่มือสำหรับการพัฒนา SDI
  • การประชุมและสัมมนาระดับโลก: เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์
  • เอกสารและบทความวิชาการ: สำหรับการศึกษาและวิจัยเพิ่มเติม​

ทรัพยากรเหล่านี้มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการใช้ข้อมูลภูมิสารสนเทศอย่างมีประสิทธิภาพในระดับท้องถิ่นถึงระดับโลก .​


4. GeoTech Center: Geospatial Technology Competency Model (GTCM)

GeoTech Center ได้พัฒนาโมเดลความสามารถด้านเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ (GTCM) เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาหลักสูตรและการฝึกอบรม โดยครอบคลุมทักษะที่จำเป็นสำหรับการทำงานในอุตสาหกรรมภูมิสารสนเทศ


5. UNOSAT: Geospatial Information Technology in Fragile Contexts

หลักสูตรออนไลน์นี้พัฒนาโดย UNOSAT เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจในการใช้เทคโนโลยีภูมิสารสนเทศในบริบทที่เปราะบาง เช่น พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งหรือภัยพิบัติ เนื้อหาครอบคลุม:​

  • การวิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียม
  • การใช้ GIS ในการสนับสนุนการตัดสินใจ
  • การประยุกต์ใช้ข้อมูลภูมิสารสนเทศในการฟื้นฟูและพัฒนา

หลักสูตรนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการนำเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศไปใช้ในงานด้านมนุษยธรรมและการพัฒนา .​

การพัฒนาศักยภาพของนัก Geospatial Technology ส่งผลโดยตรงต่อการขยายธุรกิจในหลายมิติสำคัญ ดังนี้

  1. เพิ่มความสามารถในการวิเคราะห์และตัดสินใจเชิงกลยุทธ์
    นัก Geospatial Technology ที่มีทักษะสูงสามารถใช้เครื่องมือวิเคราะห์เชิงพื้นที่ (Geospatial Analytics) เพื่อค้นหาแนวโน้มทางธุรกิจ วิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า และระบุพื้นที่ที่มีศักยภาพสูงสำหรับการขยายตลาดหรือเปิดสาขาใหม่ได้อย่างแม่นยำ ช่วยให้ธุรกิจวางแผนและตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงจากการลงทุนผิดพลาด และเพิ่มโอกาสในการเติบโต
  2. เพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการทรัพยากรและห่วงโซ่อุปทาน
    การใช้ข้อมูลเชิงพื้นที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถบริหารจัดการทรัพยากร เช่น สินค้า บุคลากร และสินทรัพย์ได้อย่างเหมาะสมและคุ้มค่าที่สุด รวมถึงการวางแผนโลจิสติกส์และห่วงโซ่อุปทานให้มีประสิทธิภาพสูง ลดต้นทุนและเพิ่มความคล่องตัวในการดำเนินงาน
  3. สนับสนุนการขยายตลาดและการหาลูกค้าใหม่
    นัก Geospatial Technology สามารถวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าและสภาพแวดล้อมรอบข้างเพื่อระบุพื้นที่ฐานลูกค้า (Catchment Area) และกลุ่มเป้าหมายใหม่ที่เหมาะสม ช่วยให้ธุรกิจทำตลาดได้ตรงจุดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้และขยายฐานลูกค้า
  4. เสริมสร้างความยั่งยืนและตอบสนองแนวโน้ม ESG
    การใช้เทคโนโลยี GIS และข้อมูลเชิงพื้นที่ช่วยให้องค์กรสามารถวางแผนและสื่อสารด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมได้ดียิ่งขึ้น เช่น การบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติ การลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และการสื่อสารกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างภาพลักษณ์องค์กรและความได้เปรียบทางการแข่งขันในยุคปัจจุบัน
  5. เพิ่มความสามารถในการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่และเทคโนโลยีใหม่ๆ
    นักเทคโนโลยีที่ผ่านการพัฒนาศักยภาพจะสามารถใช้เครื่องมือและแพลตฟอร์ม GIS ที่ทันสมัย เช่น ArcGIS Desktop, Cloud GIS, AI และ IoT ในการวิเคราะห์และแสดงผลข้อมูลเชิงพื้นที่ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ช่วยให้องค์กรสามารถตอบสนองความต้องการของตลาดและผู้บริโภคได้อย่างทันท่วงที

ใส่ความเห็น

Related Posts